วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ผักOrganic




               ผักออแกนิก (Organic) หรือที่บางคนจะสะกดด้วยคำว่า ผักออแกนิค, ผักออร์แกนิก, หรือว่าผักออร์แกนิค) ซึ่งมันก็เป็นผักอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก ลักษณะเด่นก็คือเวลาปลูกจะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ เลย เหมือนกับเติบโตขึ้นมาจากธรรมชาติ ผู้ที่ปลูกผักออแกนิกนี้ จะต้องมีการดัดแปลงสภาพต่างๆ เพื่อเลียนแบบธรรมชาติ ตั้งแต่ การใช้ปุ๋ยธรรมชาติในดิน มีการบำรุงรักษาดิน มีอากาศ ความชื้น น้ำ และอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักให้พืชออแกนิก เจริญเติบโตขึ้นมาให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด และเพราะต้องการความเอาใจใส่แบบนี้นี่เอง ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการปลูกสูง เพราะต้องใช้เวลาเพาะปลูกนาน เนื่องจากไม่ใช้สารเคมีเร่งให้มันโตเร็ว เมื่อผักออแกนิกนี้วางขายในตลาด ก็จะมีราคาแพง เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าพืชผักทั่วๆ ไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ต้องใช้เวลาปรับสภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงศัตรูพืชมาเบียดเบียน บางแห่งที่มีการปลูกผักออแกนิกถึงกับต้องกางมุ้งปลูกคอยประคบประหงม เหมือนลูกกันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าสวนไหน จะปลูกด้วยวิธีใดก็สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่มีการใช้สารเคมีระหว่างนั้นเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าจะมีศัตรูพืชอย่างหนอนและแมลงเข้ามารบกวนบ้าง ก็จะใช้ได้เพียง ยากับจัดศัตรูพืชที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ จึงจะถือว่าเป็น “ผักออแกนิก” อย่างแท้จริง

001
ผักออแกนิก ผักไฮโดรโปนิกส์ และผักปลอดสารเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ผักออแกนิก คือผักที่เจริญเติบโตขึ้นมาโดยไม่ต้องอาศัยสารเคมีใดๆ แต่ผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) นั้น เป็นผักที่เจริญเติบโตมาได้โดยไม่ต้องใช้ดิน คือใช้เฉพาะน้ำ และเติบโตมาด้วยสารอาหารที่สกัดมาจากสารเคมีอีกที ซึ่งหมายความว่าผักไฮโดรโปนิกส์ ไม่ใช่ผักออแกนิกไร้สารเคมีอย่างที่หลายคนเข้าใจ ผักชนิดนี้เป็นการประยุกต์การปลูกผักที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ในการปลูกให้มาก อย่างเช่นในตัวเมืองใหญ่ๆ เมื่อไม่ต้องการแร่ธาตุจากดินเพื่อให้ผักเจริญเติบโต ก็ต้องการแร่ธาตุซึ่งมีปนมากับในน้ำ ซึ่งเป็นสารเคมีอย่างที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การที่ผักไฮโดรโปนิกส์ หรือว่าผักไร้ดินพวกนี้ได้รับความนิยมจากคนในเมืองก็เพราะมันดูสะอาด แล้วก็มีราคาไม่แพงจนรับไม่ได้ส่วนผักปลอดสารก็คือผักที่มีการใช้สารเคมีช่วยให้เจริญเติบโต รวมถึงการกำจัดศัตรูพืชในระหว่างการเพาะปลูก จนกระทั่งใกล้เวลาเก็บเกี่ยว และจะมีการเว้นวรรคการใช้สารเคมี ในช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะมากหรือน้อยนั้น ก็แล้วแต่เกษตรกรผู้เพาะปลูกจะเป็นผู้กำหนดเอง สรุปแบบง่ายๆ ก็คือ ผักปลอดสารที่ฟังดูดี เหมือนไม่ใช้สารใดๆ มาช่วยเพื่อทำการเพาะปลูกเลย ที่แท้ก็เป็นผักปลอดสารแค่ในช่วงตอนเก็บเกี่ยวผลผลิตเท่านั้น แต่ไม่ได้ปลอดสารในระหว่างการเพาะปลูกเพราะฉะนั้นผักปลอดสารก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกับผักที่มีวางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปเลย

ดูอย่างไรว่าผักชนิดไหนเป็นผักออแกนิก ผักปลอดสาร หรือผักไฮโดรโปนิกส์
จริงดูที่ว่าการดูแค่ลักษณะภายนอก จะไม่มีทางรู้เลยว่าผักชนิดไหนเป็นผักที่ได้มาจากการปลูกแบบออแกนิก ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ หรือว่าผักปลอดสาร แต่เราก็สามารถสังเกตได้จากเครื่องหมาย มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มกท.หรือที่เรียกว่า “IFOAM”  กับอีกเครื่องหมายนึงคือ Organic thailand เป็นมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
002
ซึ่งขั้นตอนและวิธีการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของ มกท. หรือเครื่องหมาย มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช่การตรวจรับรองว่า ผลิตผลนั้นๆ ปลอดจากสารเคมีตกค้างใดๆ  แต่เป็นการตรวจรับรองระบบบริหารจัดการผลิต เพราะฉะนั้น ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ก็คือ ผลผลิตที่ได้มาจากกระบวนการผลิตที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งในข้อกำหนดของมาตรฐานนั้น มีข้อกำหนดการห้ามสารเคมีสังเคราะห์ทางการเกษตรทุกชนิด อีกทั้งต้องมีการพยายามป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีจากสภาพแวดล้อมอย่างดีที่สุด เท่าที่สามารถทำได้  อย่างไรก็ดี มกท. อาจใช้วิธีตรวจวิเคราะห์สารเคมีตกค้างในผลิตผล เพื่อตรวจสอบพิเศษในบางกรณีเท่านั้น

ทำไมถึงควรเลือกกินผลิตภัณฑ์ออแกนิก
ในปัจจุบันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลิตภัณฑ์อาหารออแกนิกนั้น มีราคาแพงกว่าสินค้าทั่วๆ ไปที่มีวางขายอยู่ตามท้องตลาด เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูง ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าการปลูกแบบปกติ และยังมีการเลือกปลูกแต่เฉพาะพืชผักตามฤดูกาลนั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนของการเจริญเติบโต นอกจากนี้การเก็บเกี่ยวพืชผลแบบออแกนิก และการจัดส่งยังต้องคำนึกถึงความสดใหม่อยู่เสมอ แต่ถ้าหากมาคิดให้ดีถึงข้อดี และคุณประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับกลับคืนมานั้นก็มีมากมายเช่นกัน อีกทั้งในปัจจุบัน หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พยายามมุ่งให้ความรู้เกษตกร ถึงข้อดีของการทำการเกษตรกรแบบออแกนิกในระยะยาว ซึ่งจะให้ผลผลิตในปริมาณสูงกว่าการเกษตรทั่วไป นอกจากนี้ยังได้มีการนำเข้าสินค้าออแกนิก มาจากหลายประเทศเพื่อนำมาจำหน่าย ทำให้ผลิตภัณฑ์ออแกนิก ซึ่งทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ออแกนิกในท้องตลาดมีราคาไม่แพงจนเกินไปนัก

004
เหตุผล ที่เราควรรับประทานผลิตภัณฑ์ออแกนิก
  1. ผลิตภัณฑ์ออแกนิกทุกประเภทจะได้รับการรับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง ถึงคุณค่าทางโภชนการและขั้นตอนการผลิตที่ปลอดสารพิษตกค้าง
  2. อาหารออแกนิกมีรสชาติดี เนื่องจากปลูกจากดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามฤดูกาลของพืชผักชนิดนั้นๆ ทำให้ผลผลิตมีเนื้อแน่นและรสชาติเข้มข้น และสดใหม่
  3. การรับประทานอาหารออแกนิก จะช่วยลดภาวะการเสี่ยงต่อโรคร้ายที่มีสารเคมีเป็นสาเหตุหลักเช่น โรคมะเร็ง
  4. การเกษตรแบบออแกนิกไม่ใช้เทคนิคการตัดต่อพันธุกรรม จึงมั่นใจได้ว่าผลผลิตที่ได้เป็นการพันธุ์แท้และดั้งเดิมที่สุด
  5. ผลิตภัณฑ์ออแกนิกหรืออีกความหมายคือ ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารพิษ ซึ่งหมายความว่าไม่เป็นภัยต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยอนุรักษ์ดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างบริสุทธิ์และยั่งยืนต่อไป

005
ประโยชน์ของผักออแกนิก
  1. การบริโภคผักออแกนิกเป็นอาหาร ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำในชีวิตประจำวัน จะช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ เนื่องจากผักออแกนิกจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าพืชผักทั่วไป ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่ามีส่วนการใช้ต่อต้านมะเร็งได้ด้วย
  1. ประโยชน์ของการปลูกผักออแกนิก ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ไม่มีสารพิษตกค้าง และมีความปลอดภัยสูงต่อผู้บริโภค เพราะผักออแกนิกเป็นผักที่ใช้วิธีปลูกในแบบธรรมชาติล้วนๆ 100% ส่วนประกอบทุกอย่างที่มีอยู่ในพืชผักจึงมีความบริสุทธิ์ ปลอภัยไม่มีสารพิษต่างๆ ที่เป็นสารก่อมะเร็ง
  1. ช่วยลดอัตราเสี่ยงเด็กสมองพิการ เด็กซนผิดปกติ และโรคออทิสติก เนื่องจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์นั้นมีมากกว่าร้อยชนิด ที่เป็นสาเหตุของโรคดังกล่าว
  1. การรับประทานอาหารประเภทผักออแกนิกยังส่งผลดีกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และยังช่วยทำให้น้ำนมของคุณแม่มีปริมาณของกรดไขมันที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงกว่าปกติอีกด้วย
  1. ยาฆ่าแมลงที่ตกค้างอยู่ในผักทั่วไป จะมีผลโดยตรงกับฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีผลทำให้เซ็กส์เสื่อมได้ การหลีกเลี่ยงสารเคมีอันตราย แล้วหันมาบริโภคพืชผักออแกนิก ก็ช่วยให้เราอยู่ห่างจากภัยร้ายต่อสุขภาพเหล่านั้นได้
  1. ผักออแกนิกจะมีสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณค่ามากกว่าผักทั่วไปที่มีวางขายอยู่ตามท้องตลาด
  1. รสชาติของผักออแกนิกจะดีกว่าผักที่ปลูกกันทั่วไป เพราะเป็นพืชผักที่เติบโตตามฤดูกาล แน่นอนว่าจะต้องมีรสชาติที่หวาน หอม อร่อยกว่าที่ใช้สารเคมีเป็นไหนๆ
  1. สามารถช่วยลดสารพิษในสิ่งแวดล้อมได้ เนื่องจากการปลูกผักทั่วไปจะทำให้สารเคมีที่ใช้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนในดิน ในน้ำ และในอากาศ
  1. การปลูกผักแบบออแกนิกสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพดินได้ เพราะการทำเกษตรแบบใช้สารเคมีนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าจะทำให้ดินเสื่อมคุณภาพและไม่มีคุณสมบัติที่ดีในการเพาะปลูก ทำให้ปลูกอะไรก็ไม่ได้ผลผลิตที่ดีตามต้องการ นอกจากนี้ผักที่ปลูกก็แทบจะไม่ได้คุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนอย่างที่ควรจะเป็น
  1. ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีววิทยา เพราะการไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงจะช่วยทำให้มีชีวิตในท้องถิ่นมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีววิทยาไปเรื่อยๆ
  1. ช่วยทำให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกมีสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย ทำให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารเคมีเหล่านี้ได้
  1. ช่วยลดต้นทุนการผลิตในด้านค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยและสารเคมีต่างๆ และช่วยลดปริมาณการนำเข้าของสารเคมีจากต่างประทศ (ในแต่ละปีประเทศไทยมีการสั่งซื้อจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก)
  1. ผลผลิตที่เป็นพืชผักออแกนิก สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรมากขึ้น จากการจำหน่ายผัก เนื่องจากผลผลิตที่ได้เป็นที่ต้องการของ
ที่มา www.actorganic-cert.or.th, www.youtube.com
ขอบคุณรูปภาพจาก: acneeinstein.com, actorganic-cert.or.th, tops.co.th, naturalnewsblog.wordpress.com, thehealthylifechoice.com

เส้นทางสายดอกไม้ในประเทศไทย

Dream Destinations 2
โดยได้คัดสรรเส้นทางสายดอกไม้ 22 แห่ง ที่มีความงดงามจากทั่วประเทศมาให้เดินทางไปเที่ยวชมกันได้ 12 เดือน ตลอดทั้งปี 2558 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และทำให้รู้ว่าเมืองไทยนั้นมีดอกไม้สวยๆ อยู่ทั่วประเทศ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปเที่ยวชมกันได้ตลอดทั้งปีจริงๆ
มกราคม
1. หุบเขาสีชมพู ภูลมโล อ.ด่านซ้าย จ.เลย
ภูลมโล
สู่เส้นทางแสนหวาน ในวันที่ภูเขากลายเป็นสีชมพู
ภูลมโล ตั้งอยู่ใน ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยต้นนางพญาเสือโคร่งนับหลายหมื่นต้นถูกปลูกขึ้นบนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ หลังจากที่ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าได้ทำการขอพื้นที่คืนจากชาวม้งที่เข้ามาทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์อยู่เดิม โดยตกลงกันให้ชาวม้งปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับต้นพญาเสือโคร่งเป็นระยะเวลา 3 ปี ก่อนออกจากพื้นที่ หลังจากนั้นภูลมโลก็ค่อยๆ พลิกฟื้นผืนป่าและธรรมชาติให้กลับคืนมา จนปัจจุบันภูลมโลกลายเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผืนป่าสีชมพูจะมีให้ชมในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. โดยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานเลย  โทร. 0 4281 2812 , 0 4281 1405
2. ทางสายสุพรรณิการ์ จ.นครนายก
ทางสายสุพรรณิการ์ จ.นครนายก
เมื่อสองฟากถนน ถูกปูพรมด้วยกลีบดอกไม้แสนสวย
ดอกสุพรรณิการ์ หรือดอกฝ้ายคำ เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนครนายก เป็นไม้ยืนต้นที่มีดอกขนาดใหญ่สีเหลืองสดใส ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ในช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ. ดอกสุพรรณิการ์ปลูกไว้บริเวณริมถนนหลายสายใน จ.นครนายก ไม่ว่าจะเป็นถนนเส้นรังสิต-องครักษ์ เส้นแยกบางอ้อ-อ.บ้านนา เส้นทางลัดไปเขื่อนขุนด่านปราการชล ก็จะทิ้งใบจนเกือบหมดต้นและผลิดอกสีเหลืองสดใสบริเวณเกาะกลางถนนจนกลายเป็นถนนสีเหลืองสว่างไปตลอดเส้นทาง
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานนครนายก โทร. 0 3731 2282 , 0 3731 2284
3. สวนทิวลิป เทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม อ.เมือง จ.เชียงราย
สวนทิวลิป เทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม
ลมหนาว ทิวลิป และล้านนา ความสุขจากเหนือสุดแดนสยาม
ฤดูหนาวของเชียงรายมีอากาศหนาวเย็นและเหมาะสมแก่การเพาะปลูกไม้ดอกเมืองหนาว เช่น ดอกทิวลิป และทางจังหวัดเชียงรายก็ได้จัดงาน “เทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม” ในช่วงฤดูหนาวเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องเรื่อยมา ณ สวนตุงและโคมนครเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีไฮไลต์เด่นอยู่ที่ดอกทิวลิปสีรุ้ง และทิวทิปหลากสีอีกหลายสายพันธุ์เบ่งบานอยู่ในอากาศเย็นๆ ไม่เพียงแต่ดอกทิวลิปเท่านั้น ในงานยังมีอุทยานไม้ดอกเมืองหนาวนานาพันธุ์ ดอกลิลลี่ รวมทั้งประติมากรรมดอกไม้รูปทรงต่างๆ อีกด้วย
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานเชียงราย โทร. 0 5371 7433 , 0 5374 4674-5
กุมภาพันธ์
4. ทะเลบัวแดง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
ทะเลบัวแดง
รื่นรมย์ยามเช้าสดใส เพลินใจในทะเลบัวแดง
“หนองหาน” เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 22,500 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี มีพืชพันธุ์ไม้น้ำอันโดดเด่นอย่าง “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” ที่พร้อมใจกันออกดอกเป็นจำนวนมหาศาลกินพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของหนองหาน (หมื่นกว่าไร่) จนหลายคนต่างเรียกขานว่า “ทะเลบัวแดง” และจะออกดอกมากในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. จนทาง ททท.ได้จัด “งานวิวาห์ล้านบัว” ขึ้นในช่วงวันแห่งความรัก เพื่อให้คู่รักได้เข้าร่วมงานวิวาห์ที่ทะเลบัวแดงอันงดงามแห่งนี้
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานอุดรธานี 0 4232 5406-7
5. ทุ่งดอกเบญจมาศ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ทุ่งดอกเบญจมาศ
รื่นรมย์หลากสีสันของดอกไม้ในสวนสวย
อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นแหล่งปลูกดอกเบญจมาศแหล่งใหญ่ในประเทศ และมีปลูกหลากหลายสายพันธุ์ ตัดดอกส่งออกขายทั่วประเทศ ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ใน อ.วังน้ำเขียวจะมีการจัด “งานเบญจมาศบาน ในม่านหมอก” ขึ้นเป็นประจำทุกปี และมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การประกวดและจำหน่าย “ดอกเบญจมาศ” แปลงสาธิตดอกเบญจมาศหลากสายพันธุ์ หลากการแสดงและจำหน่ายสินค้าผักเมืองหนาวปลอดสารพิษ แปลงเบญจมาศหลากหลายสายพันธุ์ ประติมากรรมต้นไม้ และสวนดอกไม้นานาพันธุ์ ได้พบกับอากาศเย็นสบายและดอกไม้แสนงาม
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทร. 0 4421 3030 , 0 4421 3666
6. ถนนเหลืองปรีดียาธร จ.สุพรรณบุรี
ถนนเหลืองปรีดียาธร จ.สุพรรณบุรี
หนึ่งปีมีเพียงครั้งที่ถนนสายสุพรรณฯ สวยบาดใจราวถนนสายสวรรค์
บนถนนสายสระกระโจม-ด่านช้าง หรือทางไปอุทยานแห่งชาติพุเตย (ทางหลวงหมายเลข 3502) จ.สุพรรณบุรี ในช่วงเดือน ก.พ.- มี.ค. จะกลายเป็นถนนสีเหลืองสว่างสดใส จากสีของดอกเหลืองปรีดิยาธร หรือตาเบบูญ่าเหลือง ที่ปลูกอยู่ริมสองข้างถนน ให้คนใช้รถใช้ถนนได้ขับรถไปด้วยชมบรรยากาศอันสวยงามไปด้วย เพลิดเพลินไม่น้อยเลย โดยเมื่อดอกไม้บานก็จะมีให้ชมราว 2 สัปดาห์
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานสุพรรณบุรี โทร. 035-525863 , 035-525867
7. ป่าดอกเสี้ยว ป่าเหมี้ยง อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
ป่าดอกเสี้ยว
สุขใจใต้ผืนฟ้าใส เมื่อดอกไม้สีขาวพร่างพราวผืนป่า
งานดอกเสี้ยวบานที่บ้านป่าเหมี้ยง ถือเป็นงานเทศกาลท่องเที่ยวประจำปีที่บริเวณลานดอกเสี้ยว อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จ.ลำปาง แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก ททท. 3 ปีซ้อนโดยจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกเสี้ยวป่าสีขาวกำลังบานสะพรั่งตลอด 2 ข้างทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงาม และบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก ดอกเสี้ยวต้นสูงมีดอกสีขาวสะพรั่งเต็มต้น สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานเชียงใหม่ (เขตรับผิดชอบ : เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) โทร. 0 5327 6140-1, 0 5324 8607, 0 5324 8604
มีนาคม
8. อุโมงค์ชมพูพันทิพย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม
อุโมงค์ชมพูพันทิพย์
สดใสในโลกสีชมพู แห่งคิมหันต์ฤดูอันแสนสุข
ดอกไม้สีชมพูสวยหวานมีให้ชมกันที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน จ.นครปฐม นั่นก็คือ “ดอกชมพูพันทิพย์” ที่มีปลูกไว้หลายร้อยต้น มีให้ชมบริเวณริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์ หรือที่นักศึกษาเรียกกันว่า “ถนนหลังมอ” ระยะทางกว่า 2 กม. และอีกแห่งหนึ่งคือบริเวณรอบๆ สระน้ำพระพิรุณ ซึ่งปลูกต้นชมพูพันทิพย์กลางสนามหญ้าบนลานกว้าง เวลาดอกไม้สีชมพูร่วงหล่นลงบนสนามหญ้าสวยงามน่าประทับใจไม่น้อย ปกติดอกชมพูพันทิพย์ที่นี่จะบานในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. แต่ในปีนี้จะบานล่าช้ามาจนถึงช่วงเดือน มี.ค.
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โทร. 0-2942-8010-9 , 0-3428-1053-6
เมษายน
9. ถนนสายดอกคูน จ.ขอนแก่น
ถนนสายดอกคูน
สุขพันเท่า เรื่องเล่าวันดอกคูนบาน
ในช่วงหน้าร้อน เป็นช่วงที่ดอกไม้หลายชนิดออกดอกบานสะพรั่งให้ได้ชม “ดอกคูน” หรือ “ดอกราชพฤกษ์” ก็เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ออกดอกในช่วงหน้าร้อนนี้ ดอกไม้มงคลชนิดนี้มีดอกสีเหลืองอร่ามที่ลักษณะเป็นช่อย้อยลงมาจากต้น งดงามรับกับความสดใสของฤดูร้อน ปัจจุบันสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามสองฟากฝั่งถนน แต่ที่สามารถชมได้อย่างสวยงามที่สุดก็คงจะเป็นที่ “ถนนสายดอกคูน” บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่น และที่บริเวณสวนดอกคูณ ริมบึงแก่นนคร ซึ่งก็งดงามเข้ากับบรรยากาศงานดอกคูนเสียงแคนเป็นอย่างมาก
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานขอนแก่น โทร. 0 4322 7714-6
10. บึงล้านบัว อุทยานนกน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง
บึงล้านบัว อุทยานนกน้ำทะเลน้อย
เพลินใจใต้ปีกปักษา เพลินตาบัวบานกลางบึงใหญ่
นอกจากจะเป็นแหล่งดูนกแล้ว ทะเลน้อยยังมีสิ่งน่าสนใจอันโดดเด่นอีกอย่างนั่นก็คือ “ทะเลบัวแดง” หรือ “ทะเลบัวสาย” พันธุ์บัวที่มีขึ้นอยู่มากที่สุดในทะเลแห่งนี้ โดยในช่วงเช้าเหล่าบัวสายจะพาออกดอกสีแดงสดบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำ นอกจากบัวสายแล้ว ในทะเลน้อยยังมีบัวหลวง บัวบา บัวเผือน รวมไปถึงพืชพรรณน่าสนใจ อื่นๆ อาทิ ผักตบชวา จอก แหน สาหร่ายต่างๆ กระจูด กง ย่านลิเภา กก และเสม็ดที่ยืนต้นตระหง่านอยู่ในพื้นที่ป่าบก เป็นต้น
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานหาดใหญ่ (เขตรับผิดชอบ สงขลา พัทลุง) โทร.0 7423 1055 , 0 7423 8518 , 0 7424 3747
พฤษภาคม
11. นาบัว คลองมหาสวัสดิ์ จ.นครปฐม
นาบัว คลองมหาสวัสดิ์
แลล่องท่องสายน้ำ ดื่มด่ำความหรรษากลางนาบัว
เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในคลองมหาสวัสดิ์ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่มีดอกไม้สวยๆ ให้ชม ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ นั่นก็คือ “ดอกบัว” โดยชาวบ้านบริเวณนี้จะทำนาบัว ปลูกดอกบัวขายส่งไปทั่วประเทศ ซึ่งหากต้องการมาชมนาบัว ควรมาตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะจะเป็นช่วงที่บัวสวยที่สุด และชาวบ้านจะตัดบัวไปขายแต่เช้า หากมาสายแล้วอาจจะเหลือบัวให้ชมน้อย หากจะไปชม ต้องขยันตื่นเช้าหน่อยล่ะ
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : กลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรแม่บ้านเกษตรกร บ้านผู้ใหญ่มนูญ โทร. 0-3429-7152 , 08-1495-9091
มิถุนายน
12. ทุ่งดอกเปราะภูขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก
ทุ่งดอกเปราะภูขาว
ดอกเปราะภูขาวบาน ฝันหวานๆ บนภูหินร่องกล้า
“ดอกเปราะภูสีขาว” ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จะผลิบานต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเริ่มต้นฤดูฝน แต่ว่าช่วงที่ดอกเปราะภูสีขาวสวยที่สุดคือปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งดอกเปราะภูสีขาวจะพร้อมใจกันเบ่งบานไปทั่วทุ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ภาพความงดงามของดอกเปราะภูสีขาว มีกลีบดอกที่ชูช่ออยู่ทั่วบริเวณตัดกับสีเขียวของใบหญ้าที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน เป็นภาพที่ดูแล้วสร้างความสดชื่น เย็นตา สบายใจเป็นอย่างมาก
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร. 0 5535 6607 , 08 1596 5977
กรกฎาคม
13. ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ 
ทุ่งดอกกระเจียว
งามบัวสวรรค์ ละลานตาบนหน้าผาหิน
“ดอกกระเจียว” เป็นดอกไม้ที่ถูกยกให้เป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” ซึ่งที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เมื่อเข้าสู่หน้าฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี ดอกกระเจียวจะเริ่มออกดอกเบ่งบานชูช่อความสวยงามของดอกกระเจียวนานาพันธุ์ หลากสีสันทั้งสีขาว สีขมพู และสีเขียว และนอกจากที่ อ.เทพสถิตแล้ว ยังมีดอกกกระเจียวให้ได้ชมกันอีกที่คือ ที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ อีกด้วย
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานนครราชสีมา (เขตรับผิดชอบ นครราชสีมาและชัยภูมิ) โทร. 0 4421 3030 , 0 4421 3666
สิงหาคม
14. ทุ่งดอกปอเทือง อ.สิงหนคร จ.สงขลา
ทุ่งดอกปอเทือง
เรื่องน่ารักและความสุข … จากทุ่งปอเทือง
ดอกปอเทืองสีเหลืองสวยสดจะบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่งกว่า 300 ไร่ ที่ ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา อันที่จริงแล้วดอกปอเทืองนี้ เป็นพืชปรับปรุงบำรุงดินที่ถูกนำมาปลูกในแปลงนา เพื่อเป็นปุ๋ยพืชสดช่วยบำรุงดิน โดยมีลักษณะเด่นคือ มีดอกสีเหลืองสวยงาม ซึ่งการปลูกดอกปอเทืองเป็นพืชที่เข้ามาเติมเต็ม เพื่อให้ท้องทุ่งนาดูสวยงามขึ้น และนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางมาสัมผัสความสวยงาม และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : องค์การบริหารส่วนตำบลรำแดง โทร. 08 64882549 , 0 74318451
15. ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ
ตะลอนกลางถนนลอยฟ้า ฝ่าม่านฝนไปยลผีเสื้อเริงระบำ
ว่ากันว่า ดอยหัวหมด คือ จุดชมวิวอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอำเภออุ้มผาง แต่นักเดินทางตัวจริงจะรู้กันดีว่าเมื่อถึงฤดูกาลที่ฝนโปรยสาย จะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นเต็มลานบนยอดดอย เมื่อดอกไม้เล็กๆ นามว่าเทียนปีกผีเสื้อ แตกดอกออกช่อโผล่ขึ้นมาเหนือทุ่งหญ้า เปลี่ยนดอยหัวหมดให้กลายเป็นแดนสวรรค์สีชมพูภายในพริบตา ยิ่งสายลมพัดพาดอกไม้สะบัดไหวไปตามแรงลม ยิ่งทำให้ดูคล้ายผีเสื้อตัวเล็กตัวน้อยกำลังเริงระบำกลางม่านฝน กลายเป็นภาพที่สวยงามน่าดูชม ถึงแม้จะฝ่าถนนลอยฟ้าพันโค้งมาอย่างยากลำบาก เพียงเจอเจ้าเทียนปีกผีเสื้อเหล่านี้เบ่งบาน ความเหนื่อยล้าก็แทบมลายหายเป็นปลิดทิ้ง
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานตาก โทร. 0 5551 4341-3
กันยายน
16. ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
สองขา หนึ่งใจ ดอกไม้ และความสุขครั้งยิ่งใหญ่บนยอดภู
ช่วงฤดูฝนอันสดชื่นประมาณเดือน ส.ค.- ก.ย. เป็นช่วงที่ “ดอกหงอนนาค” ในอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เบ่งบานรอรับนักท่องเที่ยวที่ได้ปีนป่ายขึ้นมาเยือน ดอกไม้ชนิดนี้เป็นพืชล้มลุกที่มีหลายชื่อเรียก อาทิ หญ้าหงอนเงือก น้ำค้างกลางเที่ยง โดยดอกหงอนนาคจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง ดอกไม้ชนิดนี้จะเบ่งบานจนเป็นทุ่งดอกไม้ใหญ่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ภูสอยดาวแห่งนี้ เป็นทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานแพร่ (เขตรับผิดชอบ อุตรดิตถ์, แพร่, น่าน) โทร. 0 5452 1127
ตุลาคม
17. ทุ่งดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
ทุ่งดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
หรรษา กลางทุ่งดอกไม้ป่าเริงระบำ
ช่วงต้นหนาวของทุกปี หลังฝนทิ้งช่วง บริเวณลานหินทรายเหนือน้ำตกสร้อยสวรรค์จะมีดอกไม้ป่าดอกเล็กดอกน้อยที่ซุกซ่อนกายอยู่ใต้ผิวดิน ต่างพร้อมใจกันผลิดอก แตกกลีบ ชูช่อไสว เริงระบำทักทายลมหนาวพราวสะพรั่งเต็มท้องทุ่งดูสวยงามตระการตาไปทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยสุวรรณา ดุสิตา (หญ้าข้าวก่ำน้อย) มณีเทวา (กระดุมเงิน) ที่เป็นกลุ่มดอกไม้ที่ขึ้นเป็นหลักในท้องทุ่งแห่งนี้ ส่วนดอกไม้เล็กๆ ที่ขึ้นแซม อย่างสรัสจันทร (หญ้าหนวดเสือ) ทิพเกสร (หญ้าฝอยเล็ก) กระดุมทอง หญ้าข้าวก่ำ จอกบ่วาย ร่วมด้วยดอกไม้ป่าอื่นๆ ที่ขึ้นสอดแซม อย่างเช่น โคลงเคลง ช้างน้าว เอนอ้า หงอนนาค แดงอุบล เอื้องเหลืองพิศมร ฯลฯ นับเป็นทุ่งดอกไม้ป่าบนลานหินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยจะบานไปจนถึงช่วงเดือน ก.พ. ของทุกฤดูหนาว
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : อุทยานแห่งชาติผาแต้ม โทร. 0 4525-2581
พฤศจิกายน
18. สวนชวนชม สวนนงนุช จ.ชลบุรี
สวนชวนชม สวนนงนุช
ดื่มด่ำความงามไร้ขีดจำกัด จากศิลป์แห่งสวนสวย
สีชมพูเข้มของดอกชวนชมนับพันต้น ที่พากันชูช่อรับลมหนาวในสวนนงนุช คือความงดงามชวนมอง ยิ่งได้เห็นการแตกกิ่งก้าน แตกรากเป็นแขนงดูแปลกตา ยิ่งทำให้พบว่าไม้ดอกชนิดนี้ ไม่ต่างอะไรจากประติมากรรมชิ้นเอกที่ธรรมชาติมอบให้เป็นของขวัญแด่มนุษย์ สวนนงนุชจึงเหมือนดังหอศิลป์ขนาดใหญ่ ที่รวบรวมศิลปะจากชวนชมไว้มากมายให้เราได้ชื่นชม ตั้งแต่ศิลปะแห่งการปลูก การตัดแต่งราก จนถึงการจัดวางต้นชวนชมเรียงรายเป็นทิวแถวนับร้อยนับพันต้นในหลากหลายชนิดพันธุ์ ทั้งชวนชมไทยไซโค ชวนชมยักษ์ญี่ปุ่น และที่ดูเหมือนมีมากที่สุดต้องยกให้ชวนชมกลุ่มอาราบีคัม
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : สวนนงนุช จ.ชลบุรี โทร. 0 3870 9358-61
19. หุบเขาบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน
หุบเขาบัวตอง ดอยแม่อูคอ
เมื่อดอกบัวตองบานห่มแดนดอย ความสุขน้อยนิดมหาศาล
ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แม้บัวตองเป็นเพียงวัชพืชที่ดูไร้ประโยชน์ แต่คุณค่าจากความสวยของดอกสีเหลืองอันน่ารักของมัน กลับแต่งแต้มให้ขุนเขาดูมีชีวิตชีวากว่าวันไหนๆ ในฤดูหนาวที่บัวตองจะเบ่งบานอวดโฉมเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะได้เก็บเกี่ยวความสุขร่วมกัน ทั้งถ่ายภาพที่ระลึก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและบ่ายที่เหมาะจะเก็บภาพดอกบัวตองที่สุด หรือเดินเล่นชมทุ่ง เคล้าเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสุขเล็กๆ ครั้งนี้ มีคุณค่ามหาศาลกว่าที่คิด
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982-3
ธันวาคม
20. ลานต้นคริสต์มาส อ.ภูเรือ จ.เลย
ลานต้นคริสต์มาส
เมื่อใบไม้สีแดง แผลงฤทธิ์ที่ภูเรือ
ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ต้นคริสต์มาสจะเปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีแดงสดพร้อมๆ กัน ซึ่งในพื้นที่ อ.ภูเรือ จ.เลย แหล่งปลูกและจำหน่ายต้นคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะมีสีสันมากขึ้นจากสีแดงของต้นคริสต์มาส โดยที่ลานต้นคริสต์มาส บริเวณถนนทางขึ้นอุทยานแห่งชาติภูเรือ จะถูกประดับประดาตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสจนกลายเป็นทุ่งคริสต์มาสที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงปลายเดือนมกราคมของทุกปี
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ศูนย์บริการการท่องเที่ยว อำเภอภูเรือ โทร. 0 4289 9004
21. ไร่กาแฟบาน จ.ชุมพร
ไร่กาแฟบาน จ.ชุมพร
กรุ่นกลิ่นโรบัสตาแก้วหอม กลางอ้อมกอดทิวเขาและดอกไม้สีขาว
จังหวัดชุมพร เป็นแหล่งปลูกกาแฟแหล่งใหญ่ของประเทศไทย โดยเฉพาะที่ อ.ท่าแซะ ที่มีพื้นที่ปลูกกาแฟกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา กลายเป็นทุ่งกาแฟที่ปลูกอยู่เต็มพื้นที่เขา ซึ่งเมื่อถึงประมาณเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ต้นกาแฟจะออกดอกสีขาวสะพรั่ง ชูช่อสวยงามเต็มภูเขา ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วพื้นที่ นอกจากนี้ ทิวทัศน์ของทุ่งกาแฟยังงดงามโดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายของวันสีเหลืองทองจะสาดส่องลงมายังแนวเขา เป็นภาพที่งดงามจับตายิ่งนัก
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานชุมพร โทร. 0 7750 2775-6
22. ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล จ.ลพบุรี
ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล
ปรุงฝันกลางลมหนาว เมื่อทานตะวันเบ่งบานเต็มทุ่ง
ลพบุรี ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีการปลูกทานตะวัน มากที่สุดในประเทศไทย (ประมาณ 200,000 – 300,000 ไร่) แหล่งปลูกทานตะวันของที่นี่จะกระจัดกระจายอยู่ทั้ง 9 อำเภอของลพบุรี ได้แก่ อำเภอเมือง บ้านหมี่ โคกสำโรง หนองม่วง โคกเจริญ ชัยบาดาล สำสนธิ ท่าหลวง และพัฒนานิคม โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี ดอกทานตะวันจะค่อยๆ เบ่งบานเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งทุ่ง ด้วยความสวยงามเหล่านั้นจึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะบริเวณเขาจีนแล ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี ถือว่าเป็นทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอยู่ใกล้ตัวเมืองลพบุรีมากที่สุด จึงได้รับความนิยมไปชมดอกทานตะวันมากกว่าในจุดอื่นๆ
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานลพบุรี โทร. 0-3677-0096-7

ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก : dreamdestinations.tourismthailand.org